ข้อมูลมหาวิทยาลัย,บัณฑิตวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่นต้องที่ JPSS > ข่าวสาร/ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเข้าศึกษาต่อ > แนะนำการศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น > คู่มือการจัดการภาวะวิกฤติสำหรับชาวต่างชาติ > 「ป้องกันไม่ให้ติดหวัด」
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มี 4 ฤดู เดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์จะเป็นหน้าหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่มีความหนาวเย็นมากที่สุดในรอบปี นักเรียนที่มาจากประเทศเขตร้อนน่าจะตื่นเต้นสนุกสนานเมื่อเห็นหิมะตกลงมา แต่บางพื้นที่อากาศก็หนาวเย็นจนติดลบ 10 องศา หรือ 20 องศาบ้างก็มี ซึ่งอุณหภูมิจะค่อยๆลดลงจนแทบคิดไม่ถึงเลยว่าหน้าร้อนจะมีอุณหภูมิกว่า 35 องศา หากเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยกับอากาศหนาวก็มักจะไม่ค่อยมีเสื้อผ้าหรือมาตรการเตรียมรับมือกับความหนาวเย็นนักซึ่งนั่นมีผลทำให้ร่างกายอ่อนแอเกิดความเจ็บป่วยขึ้น
ถ้าเช่นนั้นมาดูมาตรการรับมือกับความหนาวเย็นกันเถอะ
กรณีที่เป็นนักเรียนต่างชาติคงไม่คุ้นเคยกับอากาศหนาวเย็นนัก เคยเห็นบางคนก็ไม่มีเสื้อโค้ทหนาๆไว้สวมใส่ หรือไม่รู้เวลาที่ควรจะต้องเปลี่ยนชุด หรือบางทีก็ใส่เสื้อผ้าบางๆออกมาท่ามกลางอากาศหนาวเย็น อาจจะคิดว่าอากาศหนาวแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แต่ร่างกายก็รับเชื้อหวัดเข้าไปเสียแล้ว ตอนที่เรารู้สึกว่า 「หนาวเหมือนกันนะ」 นั่นคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าร่างกายเรากำลังอ่อนแอลง ดังนั้นจึงควรต้องมีมาตรการรับมือความหนาวและไม่มองข้ามมันไป
1. อุณหภูมิและความชื้นของห้อง
ถ้ารู้สึกหนาวและเปิดเครื่องทำความร้อนในห้องแต่เปิดอุณหภูมิสูงจนเกินไปร่างกายก็จะต่อต้านและทำให้เจ็บป่วยได้เช่นกัน และเมื่อมองในแง่ของสิ่งแวดล้อมและความสิ้นเปลืองแล้วอุณหภูมิของเครื่องทำความร้อนควรทำการตั้งไว้ที่ประมาณ 20~22 องศา นอกจากนี้ในฤดูหนาวอากาศก็จะแห้งซึ่งไวรัสหวัดนั้นชอบอยู่ในอากาศแห้งๆ ดังนั้นควรให้ในห้องมีความชื้นอยู่ที่50~60% โดยอาจใช้เครื่องควบคุมความชื้น (humiditizer) หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำวางในห้องก็ได้
2. ถุงเท้ากับผ้าพันคอ
ถ้าทำให้เท้าและคออุ่นก็จะช่วยบรรเทาความหนาวเย็นลงได้มาก ดังนั้นขอให้สวมใส่ถุงเท้าแม้แต่เวลาอยู่ในห้อง และหากยังรู้สึกหนาวอีกก็ขอให้พันผ้าพันคอเพิ่มด้วย
3. การล้างมือและกลั้วคอ
เมื่อกลับมาจากข้างนอกขอให้ล้างมือด้วยสบู่และกลั้วคอทุกครั้ง ถ้ารู้สึกเจ็บคออาจใช้น้ำยากลั้วคอเพื่อลดอาการเจ็บคอลงก็ได้
4. อย่าปล่อยให้ตัวเย็นหลังอาบน้ำ
หลังอาบน้ำเสร็จ ร่างกายจะใช้ความร้อนในการทำให้หยดน้ำที่เกาะตามร่างกายแห้งลง ซึ่งนั่นจะทำให้ร่างกายเราเย็นขึ้นและเกิดความหนาวเย็นหลังอาบน้ำ ดังนั้นหลังอาบน้ำเสร็จขอให้หาผ้ามาพันร่างกายทันทีเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายไว้ รวมถึงไม่ใส่เสื้อผ้าที่บางเบาแต่ต้องใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นเข้าไว้
นอกจากนั้นยังควรหลีกเลี่ยงการกินของเย็น สวมใส่หน้ากากอนามัยเวลาเข้าไปในที่ชุมนุมชน ออกกำลังอย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายด้วย ถ้าหากรู้สึกตัวว่าเริ่มเป็นหวัดขอให้ไปโรงพยาบาลทันที ถ้ามัวแต่บอกว่าเสียดายเงินแล้วปล่อยทิ้งไว้จะยิ่งแย่และทำให้ค่ารักษาพยาบาลจะยิ่งสูงขึ้นกว่าเดิม
โรคที่มักระบาดในหน้าหนาวอีกโรคก็คือ 「ไข้หวัดใหญ่」 ไข้หวัดใหญ่สามารถถ่ายทอดจากสัตว์มาสู่คน และจากคนสู่คนได้ หากติดแล้วจะมีไข้สูงมากกว่า 38 องศา มีอาการปวดศีรษะ เมื่อยเนื้อตัว เจ็บคอ มีน้ำมูกไหล บางรายที่เป็นหนักอาจถึงแก่ชีวิตได้ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ก็ชอบสภาพที่ความชื้นต่ำเช่นกัน ฉะนั้นในหน้าหนาวที่อากาศแห้งไข้หวัดใหญ่จึงมักเกิดการระบาดได้ง่าย
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ติดต่อกันได้ผ่านทางอากาศ (ไอหรือจาม) รวมถึงการสัมผัส (เอามือที่สัมผัสกับเชื้อไวรัสมาแตะปากหรือจมูก) ดังนั้นการจะป้องกันได้ก็คือล้างมือและกลั้วคอให้ดี นอกจากนี้ยังต้องดูแลเอาใจใส่สุขภาพตนเองโดยการกินอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอด้วย
นอกจากนี้ การสวมใส่หน้ากากจะช่วยเรื่องการแพร่เชื้อเมื่อต้องอยู่ในที่แคบและเบียด เช่น บนยานพาหนะที่คนแน่น หรือในห้องที่อากาศไม่ถ่ายเทและคนแน่น เป็นต้น แต่หากอยู่ภายนอกหรือที่ที่คนไม่แน่นมาก การใส่หน้ากากก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่นัก การสวมใส่หน้ากากจะช่วยในการป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนรอบข้างผ่านการไอหรือจาม
หากอาการป่วยเริ่มแย่ลง มีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ มีน้ำมูก จนคาดว่าจะเป็นอาการของไข้หวัดใหญ่ ขอให้โทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด (แผนกอายุรกรรม) อธิบายอาการแล้วปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์โดยทันที ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทจึงควรรู้ชื่อโรงพยาบาลใกล้เคียง เบอร์โทรศัพท์ รวมถึงเวลาเปิดรักษาด้วย นอกจากนี้ กรณีที่เจ็บป่วยในวันหยุดหรือกลางดึกจะต้องติดต่อไปรพ.ไหน หรือติดต่อไปที่ใครก็ควรหาข้อมูลเหล่านี้ไว้ด้วย
ในตอนนี้มี 「ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่」 ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลก หากพบว่าตนมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบันโดยอาจจะได้พบหรือสัมผัสกับคนรู้จักที่มีอาการของไข้หวัดใหญ่มาก่อนหลายวัน ขอให้โทรศัพท์ไปยังศูนย์รับปรึกษาไข้หวัดใหญ่ซึ่งจะตั้งอยู่ในแต่ละพื้นที่เพื่อขอรับคำปรึกษาวินิจฉัยโดยเร็ว
หากมีอาการไอหรือจาม ให้พยายามหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกถ้าไม่จำเป็นเร่งด่วน หรือหากต้องออกไปก็ให้สวมใส่หน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้คนอื่นทุกครั้ง