ข้อมูลมหาวิทยาลัย,บัณฑิตวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่นต้องที่ JPSS > ข่าวสาร/ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเข้าศึกษาต่อ > แนะนำการศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น > คู่มือการจัดการภาวะวิกฤติสำหรับชาวต่างชาติ > 「ถ้าเกิดเพลิงไหม้」
ในฤดูหนาวนั้นจะเกิดเพลิงไหม้ได้ง่าย เพราะอากาศจะแห้งและของก็จะเกิดการติดไฟได้ง่าย รวมถึงโอกาสในการใช้เครื่องทำความร้อนก็มีบ่อยครั้งด้วย แต่แน่นอนว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ไม่ได้มีแค่จากเครื่องทำความร้อนเท่านั้น ในชีวิตประจำวันยังมีสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ได้อีกมากที่เราจะต้องระมัดระวังและละเลยไม่ได้ เช่น เตาแก๊สที่ใช้ทำอาหาร ก้นบุหรี่ ปลั๊กไฟที่มีฝุ่นสะสมมากๆ สายไฟที่พันทับกัน โคมไฟตั้งโต๊ะที่เปิดทิ้งไว้และสัมผัสกับผ้าม่านเป็นเวลานาน เป็นต้น
เพลิงไหม้หายๆครั้งเกิดจากสาเหตุแห่งความประมาทในชีวิตประจำวัน ดังนั้นในการป้องกันเพลิงไหม้จึงจำเป็นต้องตรวจสอบสภาพรอบตัวให้ดี เช่นด้านล่างนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาแล้วจริง
ไฟจากเตาแก๊สลุกติดเสื้อผ้า (แขนเสื้อ ชายเสื้อแจ็คเก็ต เป็นต้น) ระหว่างทำอาหาร
ไฟจากเตาแก๊สกระเด็นไปติดถุงขยะที่อยู่ใกล้ๆ
เตาพกพาแบบใช้กระป๋องแก๊ส กระป๋องแก๊สสภาพไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดแก๊สรั่วออกมา
ใช้กระป๋องสเปรย์ใกล้เตาแก๊ส
เตาไฟฟ้าตกลงมาทำให้สวิทช์เปิด
・・・
ทิ้งบุหรี่โดยไม่ดับไฟให้สนิท
สูบบุหรี่ระหว่างนอนบนเตียงทำให้ไฟติดผ้าห่ม
ลืมวางบุหรี่บนที่เขี่ยบุหรี่แล้วก้นบุหรี่ตกลงมาบนเสื่อ
ทิ้งบุหรี่ลงถังขยะทั่วไป
・・・
ถ้าเสียบปลั๊กลงที่เต้ารับซึ่งไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานานและมีฝุ่นหรือความชื้นสะสมอยู่ก็อาจทำให้ไฟติดขึ้นมาได้
ถ้าปล่อยสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าพาดหรือพันทับกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการติดไฟขึ้นได้
เอาผ้าขนหนูเปียกไปพาดไว้บนโคมตั้งโต๊ะจนผ้าแห้งและติดไฟได้
เอาเตารีดไปวางทิ้งไว้บนที่เขี่ยบุหรี่ทำจากแก้วนานจนแก้วแตก ทำให้เศษบุหรี่ปลิวจนไฟติดขึ้นมาได้
ผ้าแห้งตกลงไปบนเตาแก๊ส
ผ้าม่านปลิวไปติดเตาแก๊ส
เอาเตาทำความร้อนเข้าไปในที่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเข้าอาบน้ำแต่ถุงกระดาษตกลงมาจากชั้นวางของใส่เตาและติดไฟ
ใช้กระป๋องสเปรย์ใกล้ไฟ
น้ำมันรั่วออกมาจากช่องเติมน้ำมันของเตาทำความร้อน
เหตุเพลิงไหม้ตามด้านบนสามารถป้องกันได้ด้วยความไม่ประมาท ตอนที่ทำการใช้ไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องมีสติและห้ามละเลยเด็ดขาด เช่นนั้นแล้วในชีวิตประจำวันควรระวังอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น
※ตามกฏหมายป้องกันเพลิงแล้ว บ้านทุกหลังมีหน้าที่จะต้องติดตั้งกริ่งสัญญาณแจ้งเหตุไฟไหม้ไว้ด้วย
หากเกิดเพลิงไหม้ขึ้นขอให้ปฏิบัติดังนี้
2. โทรแจ้งที่เบอร์ 「119」(=สถานีดับเพลิง) (ให้คนที่อยู่แถวนั้นโทรให้ก็ได้)
ถ้าโทรไปหา 119 ...
(ตัวอย่างการสนทนา)
คู่สนทนา 「เพลิงไหม้หรือรถพยาบาลครับ?」
ฉัน 「เพลิงไหม้ค่ะ」
คู่สนทนา 「ที่ไหนครับ?」
ฉัน 「(บ้านตัวเอง)ค่ะ」
คู่สนทนา 「ไฟกำลังไหม้อะไรครับ」
ฉัน 「กำลังไหม้ในห้องครัวค่ะ ไม่สามารถดับได้ด้วยถังดับเพลิง!」
คู่สนทนา 「มีผู้บาดเจ็บไหมครับ」
ฉัน 「มีค่ะ เพื่อนโดนไฟไหม้ที่มือ /ไม่มีค่ะ」
・・・
3. การดับเพลิงขั้นต้น
หากเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นในช่วง 2 นาทีแรก แล้วเปลวไฟสูงประมาณเท่าช่วงตัว ถือเป็นช่วงที่ยังสามารถใช้ถังดับเพลิง น้ำ หรือผ้านวมเปียกๆ ดับไฟได้
กรณีที่ใช้น้ำมันห้ามสาดด้วยน้ำเด็ดขาด ให้ดับโดยการใช้ถังดับเพลิง หรือใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าห่มชุบน้ำวางด้านบนเพื่อตัดอากาศไม่ให้เข้าไป และห้ามเคลื่อนย้ายหม้อหรือกระทะนั้นเพราะอาจเกิดอันตรายได้
ห้ามสาดน้ำเพื่อดับไฟ ให้ดับโดยการใช้ถังดับเพลิง หรือใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าห่มชุบน้ำวางด้านบนเพื่อตัดอากาศไม่ให้เข้าไป
หากใช้น้ำสาดเพื่อดับไฟเลยอาจทำให้ไฟยิ่งลามไปได้ ก่อนอื่นให้ใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าห่มชุบน้ำวางด้านบน จากนั้นปิดเบรกเกอร์ของบ้านแล้วจึงค่อยใช้น้ำดับอีกครั้ง
ให้ใช้น้ำรีบดับก่อนไฟลามไปติดเพดานห้อง
ถ้าไฟลามไปติดเพดานห้องเมื่อไหร่ก็ไม่สามารถใช้วิธีดับเพลิงขั้นต้นที่กล่าวมาได้ ขอให้อพยพออกมาทันที
หากไฟลามไปติดเพดานเมื่อไหร่ขอให้รีบอพยพออกมาทันที ไม่ต้องห่วงเสื้อผ้าหรือห่วงว่าต้องเอาอะไรออกมา แต่ขอให้ออกมาจากที่นั้นโดยเร็วที่สุด ให้ใช้ผ้าเปียกปิดปากและจมูก หมอบคลานต่ำออกมาเพื่อไม่ให้สูดดมควันไฟ ตอนที่ออกมาจากห้องที่กำลังมีไฟลุกต้องปิดประตูหรือหน้าต่างด้วยเพื่อเป็นการตัดอากาศไม่ให้ไปยิ่งลุกลาม และเป็นการป้องกันไฟไม่ให้ลุกลามไปยังห้องข้างเคียงด้วย
มาลองจำลองสถานการณ์กันว่าหากเกิดไฟไหม้แล้วจะต้องหาทางหนีออกไปอย่างไรกันดี หากมีทางออกฉุกเฉินหรือบันไดหนีไฟ หรือมีระเบียงก็ให้ปีนไปยังบ้านข้างเคียง รวมถึงต้องทำการตรวจสอบด้วยว่าตามระเบียงมีของอะไรวางกีดขวางหรือไม่ และตามทางเดินหรือบันไดในอพาร์ทเม้นท์หรือแมนชั่นมีอะไรวางกีดขวางไว้หรือไม่ เราต้องร่วมสร้างสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยให้สามารถหนีออกไปได้ในเวลาฉุกเฉินอยู่เสมอ