ข้อมูลมหาวิทยาลัย,บัณฑิตวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่นต้องที่ JPSS > ข่าวสาร/ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเข้าศึกษาต่อ > แนะนำการศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น > คู่มือการจัดการภาวะวิกฤติสำหรับชาวต่างชาติ > 「ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัยหรือไม่?」
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยมากแค่ไหนก็ตามก็ยังมีเรื่องที่จะต้องระมัดระวัง เช่น ไม่เดินคนเดียวตามถนนมืดๆ ไม่ไปเที่ยวจนดึกดื่น ไม่นำไซริวการ์ด โทรศัพท์มือถือหรือของที่มีข้อมูลส่วนบุคคลวางไว้ห่างจากตัว ไม่เข้าเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ ควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังในทุกๆวัน
อาชญากรรมไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวใหญ่โตที่ออกข่าวทางนสพ.หรือโทรทัศน์เท่านั้น แต่ที่อยู่รอบๆตัวเรามักจะยังเป็นปัญหาขนาดเล็ก เช่นนั้นแล้วมีอาชญากรรมแบบไหนและเราจะระมัดระวังอย่างไรกันได้บ้าง
เช่นการเอาของใส่ตะกร้าหน้าจักรยานแล้วมีมอเตอร์ไซค์วิ่งมาจากด้านหลังมาฉวยเอาสิ่งของในตะกร้าไป นอกจากนี้ยังมีกรณีที่มัวแต่เดินคุยมือถือเพลินจนโดนฉวยเอากระเป๋าที่ต้องถือด้วยมือข้างเดียวไป ซึ่งหากไม่ต้องการประสบกับ 「การฉกชิงวิ่งราว」 เหล่านี้ จะต้องระมัดระวังดังนี้
การถูกขโมยกระเป๋าหรือกระเป๋าสตางค์ หรือถูกขโมยรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ ถือเป็นปัญหาใกล้ตัวเรามาก แต่หากได้ลองถูกขโมยครั้งหนึ่งแล้วก็ย่อมไม่มีครั้งที่สองตามมา เราควรใส่ใจกับของที่จะนำติดตัวไปนอกบ้านให้มากเพื่อไม่ให้ต้องตกเป็นเหยื่อ และหากเป็นไปได้ พยายามอย่าวางของทิ้งไว้ห่างตัวเรา
ก่อนจะออกข้างนอกเรามักจะล็อกประตูและหน้าต่างอยู่แล้วเป็นปกติ แต่เพียงแค่ตัวล็อกของทางอพาร์ทเมนต์หรือการล็อกด้วยกุญแจเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หน้าต่างก็ควรจะต้องหากุญแจมาล็อกเพิ่ม หรือหากกุญแจของทางอพาร์ทเม้นต์ไม่ค่อยแข็งแรงเราอาจร้องขอให้คนดูแลช่วยเปลี่ยนให้ก็ได้ นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังเรื่องดังนี้
สมัยนี้มีการโทรเข้ามาหลอกลวงโดยมักอ้างว่าเป็นตำรวจ ทนาย เจ้าหน้าที่รัฐ หรือพนักงานธนาคารแล้วสั่งให้เหยื่อไปโอนเงินให้ ที่ญี่ปุ่นนั้น หน่วยงานสาธารณะไม่สามารถโทรเข้ามาให้ประชาชนไปโอนเงินให้โดยตรงได้ หากมีโทรศัพท์เข้ามาพูดเรื่องเงินโดยเราไม่ทราบที่มาที่ไป ก่อนอื่นให้ถามไปว่า 「นี่โทรศัพท์หลอกลวงล่ะสิ?」 จากนั้นก็ให้เงียบไม่ต้องตอบโต้อะไรอีก
ในปัจจุบัน ขั้นตอนการส่งผ่านข้อมูลที่ใกล้ตัวเราที่สุดคือการใช้อินเตอร์เน็ต แต่เราก็จะไม่อาจทราบข้อมูลทั้งหมดของฝ่ายตรงข้ามที่รับข้อมูลของเราได้ ทำให้เพียงคลิ๊กเดียวก็อาจพาเราเข้าไปพัวพันปัญหาได้ ยิ่งโดยเฉพาะธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินทอง เช่น การทำสัญญาออนไลน์ การประมูลทางเน็ต หรือการเล่นเกมส์ออนไลน์ ยิ่งต้องระมัดระวังให้มาก
หากจำไม่ได้ว่าตนเองเคยได้ใช้บริการหรือเวบไซต์เสียเงินหรือไม่ ให้เมินเฉยต่อการเรียกเงินนั้นไปก่อน อย่าถามอะไรไปกับฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาด เพราะหากถามอะไรไปก็เท่ากับบอกข้อมูลส่วนบุคคลให้เขารู้ หากยังติดต่อมาบ่อยๆให้ลองปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือศูนย์คุ้มครองผู้บริโภค
ก่อนที่จะกรอกข้อมูลส่วนบุคคลลงไป ต้องตรวจสอบ URL หรือ Title ของโฮมเพจนั้นๆให้แน่ใจเสียก่อน หากรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลให้ปิดเบราเซอร์นั้นแล้วเข้าโฮมเพจของหน่วยงานที่ต้องการใหม่ตั้งแต่แรกอีกที หรืออาจโทรศัพท์ไปถามกับทางหน่วยงานนั้นๆโดยตรงให้แน่ใจก่อน
ก่อนทำการประมูลขอให้ทำการตรวจสอบเรื่องที่ต้องระวังก่อนว่าเวบไซต์ของบริษัทนั้นๆเคยมีกรณีหลอกลวงหรือไม่ รวมถึงนโยบายการคืนสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวงด้วย นอกจากนี้ ก็ควรพยายามหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่มีราคาสูงด้วย หากตกเป็นผู้เสียหายก็อย่าเพิ่งยอมแพ้ ขอให้ลองทำดังต่อไปนี้
หากตกเป็นผู้เสียหายไม่ว่าจากกรณีใด ขอให้รีบไปแจ้งตำรวจ ทนาย(ที่รับปรึกษาโดยไม่เสียค่าบริการ) หรือศูนย์ให้คำปรึกษาผู้บริโภคทันที โดยให้มีอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่จากโรงเรียน หรือหัวหน้าที่ทำงานชาวญี่ปุ่นติดตามไปด้วย อย่าพยายามแก้ปัญหาเองลำพัง ให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้